วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

10 อันดับ เคล็ดลับถนอมแบตเตอรี่ iPhone และ iPad สำหรับ IOS 6

  • อันดับ 10

ปิดฟังก์ชัน diagnostic

อีกฟังก์ชันที่คาดว่ามีผลแง่ลบต่ออายุแบตเตอรี่ใน iOS 6 คือ Diagnostic & Usage data หรือการส่งข้อมูลการใช้งานดาต้าผ่านทางเครือข่ายไร้สาย ดังนั้นควรเลือกที่ Don't Send ที่เมนู Settings คลิกที่ General เลือก About ตามด้วย Diagnostics & Usage
  • อันดับ 9

ปิดการแจ้งเตือน Notifications

เป็นเรื่องที่ยอมรับกันทั่วไปว่าการแจ้งเตือนหรือ notification นั้นผลาญแบตเตอรี่มากเพียงใด โดยพื้นที่ notification Center ใน iOS นั้นทำให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมของกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนระบบได้ดี แต่ก็ต้องแลกกับอายุแบตเตอรี่ที่หมดลงรวดเร็ว ทั้งหมดนี้ต้องตั้งค่าที่เมนู Settings เลือก Notifications ผู้ที่ไม่แคร์สิ่งใดอาจจะเลือกปิดการทำงานของ Notification Center ได้อย่างไม่รีรอ แต่สำหรับผู้ที่ยังติดเครือข่ายสังคมจะสามารถเลือกดูการเตือนของบางแอปพลิเค ชันเมื่อเครื่องถูกล็อคหน้าจอได้ โดยสามารถเลือก Alert Style ว่าต้องการให้ข้อความปรากฎที่พื้นที่ใดของจอภาพ ซึ่งจะทำให้สามารถประหยัดแบตเตอรี่มากกว่าการต้องเปิดหน้าจอทั้งหมด 
  • อันดับ 8

ปิดบริการอิงสถานที่ (location)

ใครคิดว่า iOS 5 มาพร้อมคุณสมบัติด้านบริการอิงสถานที่แล้ว iOS 6 นั้นมีคุณสมบัติมากกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งแม้จะมีประโยชน์แต่คุณสมบัตินี้กลับเป็นผลแง่ลบต่ออายุแบตเตอรี่ของ อุปกรณ์ ปิดคุณสมบัตินี้ได้ที่เมนู Settings เลือก Privacy คลิกที่ Location Services จุดนี้ทุกคนสามารถเลือกเปิดการทำงานอิงสถานที่กับบางแอปพลิเคชันได้ตามต้อง การ ขณะเดียวกัน ผู้ใช้ iOS 6 ควรเลื่อนไปที่ด้านท้ายของหน้า Locations Services แล้วคลิกที่เมนู System Services จากนั้นให้ปิดการทำงานของฟังก์ชัน Location Based iAds และฟังก์ชัน Setting Time Zone ซึ่งเมื่อปิดแล้ว เวลาในเครื่องก็จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเครื่องจะแสดงเวลาตามระบบของผู้ ให้บริการในท้องถิ่นอยู่แล้ว 
  • อันดับ 7

เปิดโหมดใช้งานบนเครื่องบิน Airplane Mode

นี่คือทางลัดในการปิดการเชื่อมต่อทุกเครือข่ายบน iPhone เพียงเปิดโหมด Airplane Mode ด้วยการเข้าเมนู Settings เลือก Airplane Mode ซึ่งเมื่อเครื่องอยู่ในโหมดนี้ ทุกคนจะสามารถเลือกเชื่อมต่อเครือข่าย Wi-Fi และ Bluetooth ได้หากต้องการ 
  • อันดับ 6

ปิดการเชื่อมต่อ

หลายบทความแนะนำให้ผู้ใช้ปิดการเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Bluetooth หรือ 3G ด้วยการคลิก off หรือปิด แต่สำหรับ Wi-Fi เราขอแนะนำให้คุณปิดการทำงานฟังก์ชัน Ask to Join Networks ซึ่งสามารถกดเปิดเมื่อต้องการค้นหา Wi-Fi เท่านั้น โดยฟังก์ชัน Ask to Join Networks จะมีอยู่ในเมนู Settings เลือกที่ Wi-Fi สำหรับการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ สามารถตั้งค่าปิดการทำงานที่เมนู Settings เลือก General คลิก Cellular เช่นเดียวกับ Bluetooth (เลือกที่ Settings > Bluetooth) ซึ่งควรเลือกเปิดเมื่อต้องการใช้งานเท่านั้น
  • อันดับ 5

เปิดฟังก์ชันล็อคหน้าจออัตโนมัติ

ต้องบอกว่าหลายคนเห็นความแตกต่างของอายุแบตเตอรี่อย่าง ชัดเจนระหว่างอุปกรณ์ที่เปิดและไม่เปิดการล็อคหน้าจออัตโนมัติ การเปิดฟังก์ชันนี้จะทำให้หน้าจอเครื่องถูกพักการทำงานเมื่อไม่ได้เปิดใช้ ซึ่งทุกคนสามารถตั้งค่าได้ว่าต้องการให้ปิดหน้าจอ 1 หรือ 2 นาทีหากพบว่าหน้าจอไม่มีการใช้งาน ซึ่งไม่เพียงจะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของฮาร์ดแวร์อื่นๆในเครื่องได้ด้วย วิธีการเปิดฟังก์ชันนี้ คือเลือกเมนู Settings คลิกที่ General และเปิดฟังก์ชัน Auto-Lock
  • อันดับ 4

อัปเดทแอปพลิเคชันในเครื่อง

หลายคนอาจไม่รู้ว่า การอัปเดทแอปพลิเคชันที่ดาวน์โหลดมาในเครื่องก็เป็นวิธีช่วยยืดอายุ แบตเตอรี่เครื่องอย่างได้ผล เพราะแม้แอปพลิเคชันเดิมในเครื่องจะทำงานได้ดี แต่แอปพลิเคชันเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานกับระบบปฏิบัติการบางเวอร์ชัน ได้ดีที่สุด ดังนั้นเมื่อมีการอัปเดทระบบปฏิบัติการใหม่ จงอย่าลืมที่จะอัปเดทแอปพลิเคชันในเครื่องให้รองรับระบบปฏิบัติการใหม่ด้วย 
  • อันดับ 3

ปิดการทำงานแอปเบื้องหลัง

แม้จะเรียกแอปพลิเคชันใหม่ขึ้นมาใช้งาน แต่แอปพลิเคชันที่ถูกเปิดขึ้นมาใช่งานก่อนหน้านี้ยังทำงานอยู่ แอปพลิเคชันเหล่านี้จะถูกเรียกว่า background app หรือแอปที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ซึ่งแม้ background app ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีผลต่อแบตเตอรี่เครื่อง แต่หากเป็นแอปพลิเคชันประเภท GPS สำหรับการนำทาง ก็สามารถสูบแบตเตอรี่จากเครื่องได้ทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น iOS รุ่นใด คำแนะนำในข้อนี้จึงเน้นการปิด background apps ให้บ่อยครั้ง วิธีการคือการกดปุ่มโฮม (Home button) ติดกัน 2 ครั้งเพื่อเปิดแถบมัลติทาสกิ้งหรือ multitasking bar จากนั้นกดค้างไว้ที่รูปไอคอนแอปพลิเคชัน แล้วจึงเริ่มแตะที่เครื่องหมายลบซึ่งอยู่มุมบนขวาของไอคอนแอปพลิเคชันเหล่า นั้น
  • อันดับ 2

ปรับความสว่างหน้าจอ

นี่คือวิธีที่ง่ายที่สุดในการยืดอายุใช้งานแบตเตอรี่ ผู้ใช้ iPhone 4 ที่เคยอัปเดทจาก iOS 4 เป็น iOS 5 อาจจะเคยพบประสบการณ์ถูกเลื่อนความสว่างเป็นระดับขีดสุดมาแล้ว ซึ่งเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นอีกเมื่ออัปเดทจาก iOS 5 เป็น iOS 6 ดังนั้นลองตรวจสอบระดับความสว่างหน้าจอของเครื่อง แล้วปรับลดลงหากมันสว่างเกินความจำเป็น โดยเข้าไปตั้งค่าที่เมนู Settings เลือกที่ Brightness & Wallpaper
  • อันดับ 1

ปรับทัศนคติ

Adrian Kingsley-Hughes แห่งคอลัมน์ Hardware 2.0 ของสำนักซีดีเน็ตบรรยายไว้ว่า เคล็ดข้อแรกที่เขาต้องการแนะนำชาว iPhone และ iPad ที่อัปเดทเป็น iOS6 คือการไม่ต้องทำอะไร หรือแปลอีกนัยหนึ่งคือ"เคล็ดลับคือไม่มีเคล็ดลับ" (tip is actually an anti-tip) นักเขียนหนุ่มรายนี้เชื่อว่า อายุแบตเตอรี่ของเครื่องที่อัปเดทระบบปฏิบัติการอาจจะไม่ได้แย่อย่างที่คิด โดยตั้งข้อสังเกตว่าคนจำนวนมากอาจจะอคติและโยนบาปให้ iOS 6 ทั้งที่ความจริงแล้วภาวะแบตเตอรี่เครื่องหมดเร็วนั้นเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย ประกอบกัน ปัจจัยเหล่านั้นอาจได้แก่ การให้ความสนใจกับ iPhone หรือ iPad มากขึ้นหลังจากอัปเดทระบบปฏิบัติการใหม่, การทดลองใช้งานเครื่องอัปเดทใหม่มากกว่าเดิม หรือการลองใช้งานคุณสมบัติใหม่ เป็นต้น ตรงนี้นักข่าวของซีดีเน็ตชี้ว่า ผู้ใช้ iPhone และ iPad ทุกคนควรจะระลึกด้วยว่าอุปกรณ์ตระกูลไอของทุกคนนั้นมีอายุเกิน 1 ปีแล้ว ดังนั้นความสามารถของแบตเตอรี่ในเครื่องย่อมเสื่อมลง โดยเฉพาะอายุการใช้งานแบตเตอรี่ต่อเนื่องที่มักจะสั้นลง 10% ตามปกติทุกปี แปลว่าผู้ใช้ iPhone 4 ซึ่งแอปเปิลเคลมว่ามีอายุสแตนด์บายต่อเนื่อง 300 ชั่วโมง ก็จะถูกลดลงเป็น 270 ชั่วโมงในปีแรก และเหลือ 240 ชั่วโมงในปีที่ 2 และเหลือ 220 ชั่วโมงในปีที่ 3 นี่เป็นธรรมชาติของเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่อุปกรณ์พกพาส่วนใหญ่ ใช้งาน ไม่ว่าเราจะต้องการหรือไม่ ก็ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงกฎฟิสิกซ์นี้ไปได้

ขอขอบคุณ 
http://toptenthailand.com








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น