วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

iOS 6 มีอะไรใหม่บ้าง ?

 

        ในงาน WWDC 2012 นอกจากทางแอปเปิลเปิดตัวสินค้าในตระกูลของแมคที่มีการอัพเกรดฮาร์ดแวร์ทั้ง MacBook Pro, MacBook Air และ MacBook Pro รุ่นใหม่ ที่มาพร้อมชื่อ Next Generation MacBook Pro และยังมีอีกหนึ่งไฮโลท์ที่น่าติดตามก็คือการเปิดตัวระบบปฏิบัติการบนอุปกรณ์ พกพาของแอปเปิลหรือที่เรียกกันว่า iOS 6 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ถึง 200 รายการ ส่วน iOS 6 มีอะไรใหม่ ๆ และจะมีฟีเจอร์เด่นอะไรบ้าง มาติดตามกันเลยครับ
  
  • Siri ฉลาดขึ้นกว่าเดิม

 
 
 
        แอปเปิลได้มีการอัพเดทความสามารถใช้กับ Siri ระบบสั่งการทำงานด้วยเสียง ให้มีความสามารถเพิ่มขึ้น เช่น การรายงานผลการแข่งขันกีฬา, ค้นหาร้านอาหาร, ค้นหาภาพยนตร์, จองตั๋วภาพยนตร์และดูรายละเอียดต่าง ๆ ของภาพยนตร์ นอกจากนี้บน iOS 6 สามารถสั่งให้ Siri เปิดแอพฯ ต่าง ๆ บนเครื่องได้ สำหรับ Siri ในปัจจุบันรองรับการใช้งานด้วยภาษาทั้งหมด 15 ภาษา และมีภาษาที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ได้แก่ ภาษาจีนกลาง, จีนกวางตุ้ง, เกาหลี, อิตาลี, แคนาดา และข่าวดีสำหรับผู้ใช้ New iPad ใช้ Siri ได้แล้ว
 
  •  อินทิเกรท Facebook กับ iOS 6

 

          iOS 6 มีการรวม Facebook เข้ามาไว้ใน OS ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งานฟังก์ชั่นของ Facebook ได้ เมื่อมีการล็อกอิน Facebook บน iOS 6 ทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน Facebook ผ่านแอพฯ ต่าง ๆ ได้ และรายชื่อของเพื่อน ๆ ที่อยู่บน Facebook ก็จะถูกซิงก์ลงบนเครื่องโดยอัตโนมัติ ข้อมูลกิจกรรม, วันเกิดต่าง ๆ ก็จะซิงก์ลงปฏิทินด้วย นอกจากนี้ยังสามารถกด Like แอพฯ ที่ชื่นชอบได้จาก App Store 

  • แอพฯ แผนที่ใหม่ แสดงผลแบบ 3มิติ

 
 
  
       แผนที่ใหม่บน iOS 6 ทางแอปเปิลไม่ได้ใช้แผนที่จาก Google Maps แล้ว โดยแผนที่ใหม่บน iOS 6 พัฒนาโดยแอปเปิลนั่นเองและมาพร้อมกับความสามารถในการรายงานสภาพการจราจร, ระบบนำทางแบบ turn-by-turn navigation และสามารถใช้งานแผนที่ผ่านการสั่งงานด้วยเสียงผ่าน Siri ได้ นอกจากนี้แผนที่ใหม่ยังมีการแสดงผลแบบ 3 มิติหรือที่เรียกว่า Flyover ทำให้มองเห็นแผนที่ 3 มิติแบบสมจริงและสวยงาม

  • ใช้งาน FaceTime ผ่านเครือข่าย 3G ได้แล้ว

 
          หลังจากที่ฟีเจอร์อย่าง FaceTime ถูกจำกัดการใช้งานผ่าน WiFi เท่านั้นและบน iOS 6 ได้มีการอัพเดททำให้ผู้ใช้สามารถใช้งาน FaceTime ผ่านเครือข่าย 3G ได้แล้วปรับปรุง Safari ใหม่

  • Safari เวอร์ชั่นใหม่




 
          เว็บเบราว์เซอร์อย่าง Safari ก็มีการปรับปรุงใหม่เช่นกันบน iOS 6 โดยสามารถอ่านเว็บแบบออฟไลน์ได้ และเพิ่มฟีเจอร์ Smart app banners สำหรับแนะนำแอพฯ จากหน้าเว็บที่เปิดอยู่ หรือซิงก์การทำงานนั้นไปยังแอพฯ ได้และเพิ่ม iCloud Tabs สำหรับซิงก์แท็บที่เปิดในอุปกรณ์อื่น ๆ เช่น ซิงก์ข้อมูลจากไอโฟนผ่าน Safari ได้
 
  • แอพฯ PassBook



            Passbook แอพฯ ที่เพิ่มเข้ามาใหม่ใน iOS 6 เป็นแอพฯ สำหรับผู้ใช้งานที่มีบัตรอยู่มากมายหลายใบ ซึ่งสามารถใช้ Passbook เก็บรายละเอียดต่าง ๆ เช่น ทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการใช้จ่าย เช่น ตั๋วเครื่องบิน, บัตรสมาชิก, บัตรภาพยนตร์ เป็นต้น โดยสามารถใช้งานแอพฯ ผ่านการสแกนบาร์โค้ดเพื่อจ่ายค่าต่าง ๆ โดยไม่ต้องพกบัตรหรือใช้เงินสดเพื่อจ่ายและยังมีระบบแจ้งเตือนอีกด้วย
 
  • ปรับปรุงแอพฯ โทรศัพท์ใหม่



 

            มีการปรับปรุงแอพฯ โทรศัพท์ใหม่ โดยเพิ่มวิธีรับสายแบบใหม่ โดยการลากขึ้นด้านบนเหมือนกับเปิดกล้องจากหน้าล็อกสกรีน และเพิ่มเมนูช่วยเตือนให้โทรกลับภายหลัง หรือส่งข้อความแทนการรับสายได้ และเพิ่มโหมดใหม่ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถปฏิเสธการรับสาย โดยส่งข้อความกลับไปหาต้นสายได้ ว่าไม่สามารถรับสายได้เพราะเหตุผลอะไร
 
  • Do Not Disturb ปิดการแจ้งเตือนต่างๆ



            ฟีเจอร์ Do Not Disturb น่าจะถูกใจใครหลาย ๆ คน หน้าที่ของฟีเจอร์ตัวนี้ คือจะทำการปิดการแจ้งเตือนต่าง ๆ จะไม่มีการแจ้งเตือนมารบกวน (ใช้กรณีที่ต้องการพักผ่อนหรือตอนนอนหลับ) โดยการแจ้งเตือนต่าง ๆ ยังคงเคลื่อนไหวตามปกติ เพียงแต่จะไม่แสดงผลให้เราทราบนั้นเอง สำหรับฟีเจอร์นี้สามารถกำหนดและตั้งเวลาการทำงานได้
 
  • Mail VIP (อีเมลบุคคลสำคัญ)




          ฟีเจอร์ Mail VIP ช่วยให้ผู้ใช้งานไม่พลาดอีเมลจากคนสำคัญ ซึ่งฟีเจอร์นี้ จะทำการไฮไลท์อีเมลจากคนที่เราตั้งค่าไว้ให้เป็น VIP หรือติดดาวอีเมลสำคัญ ๆ นั่นเองและนอกจากนี้ยังแนบรูปภาพ, วิดีโอจากในแอพฯ Mail ได้แล้ว
 
  • Guided Access




          Guided Access ฟีเจอร์ที่ใช้สำหรับควบคุมการใช้หน้าจอเฉพาะบางจุด โดยสามารถกำหนดได้ว่าต้องการให้หน้าจอส่วนไหนบนไอโฟนหรือไอแพดใช้งานได้บ้าง

 

  • Photo Streams




          ผู้ใช้งานสามารถแชร์ภาพจาก Photo Streams ได้แล้ว โดยผู้ใช้สามารถแชร์ group ของรูปภาพแชร์ภาพให้เพื่อน ๆ ผ่าน iCloud ได้ และยังสามารถ Comment หรือกด Like รูปภาพได้ คล้าย ๆ กับเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กขนาดเล็กนั่นเอง

  • iOS 6


 
 

        ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์การทำงานเด่น ๆ ที่มาพร้อมกับ iOS 6 ซึ่งขณะนี้ทางแอปเปิลได้ปล่อย iOS 6 ให้กับผู้ใช้งานทั่วโลกได้อัพเดทกันแล้วฟรี ๆ โดยสามารถอัพเดทได้ผ่านตัวเครื่องแบบ OTA (วิธีการอัพเดทเฟิร์มแวร์ iOS แบบ OTA) หรืออัพเดทผ่าน iTunes ก็ได้ ส่วนรุ่นที่สามารถอัพเดทเป็น iOS 6 ได้คือ iPhone 3GS, iPhone 4, iPhone 4S, iPad 2, New iPad และ iPod touch gen 4 สำหรับใครที่ใช้ iPad 1 (รุ่นแรก) ไม่สามารถอัพเดทเป็น iOS 6 ได้  
ขอขอบคุณ
http://men.kapook.com/view42328.html

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

[iOS version] Line sticker

หลังจากที่ได้นำเสนอเทคนิคที่ทำให้สามารถโหลด Line sticker ของ AIS กับ SingTel ไปแล้ว ในครั้งนี้จะขอนำเสนอเทคนิคที่ทำให้สามารถไปโหลด sticker จากเครือข่ายของประเทศญี่ปุ่น และจาก Telkomsel (ของประเทศอะไรไม่รู้) กันบ้าง
** วิธีต่อไปนี้ใช้สำหรับระบบ iOS ของเครื่องที่ไม่ได้ jail-break ครับ
มาเริ่มกันเลย
สิ่งที่จะต้องมี
  1. โปรแกรม iTools ซึ่งสามารถเข้าไปโหลดได้ที่…
    http://www.iphonemod.net/itool-and-itunes.html
  2. โปรแกรม plist editor (สำหรับผู้ที่แก้ข้อมูลในไฟล์ .plist ไม่ได้) สามารถเข้าไปโหลดได้ที่
    http://www.softpedia.com/get/Programming/File-Editors/plist-Editor-for-Windows.shtml
  • วิธีการทำ

  1. ปิด Line จากแถบ multi-task
    Image
  2. เชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับคอมพิวเตอร์ แล้วเปิดโปรแกรม iTools ขึ้นมา
  3. ไปที่ Applications -> Line หลังจากนั้นก็กดที่ไอคอน folder เพื่อ view files
    Image
  4. ไปที่ Library -> Preference แล้วก็เปิดไฟล์ jp.naver.line.plist ขึ้นมา
  5. กดที่ปุ่ม Search เพื่อใช้หาตำแหน่งของตัวเลข 66 ซึ่งเป็นรหัสของประเทศไทย
    Image
  6. เปลี่ยนตัวเลขจาก 66 ให้เป็น ดังนี้
    - เปลี่ยนเป็น 81 สำหรับเครือข่ายประเทศญี่ปุ่น (จะมี sticker ให้โหลดฟรี 5 ชุด …มีกำหนดวันหมดอายุ)
    - เปลี่ยนเป็น 62 สำหรับเครือข่าย Telkomsel (จะมี sticker ให้โหลดฟรี 1 ชุด …ไม่มีกำหนดวันหมดอายุ)
    เมื่อเสร็จแล้วก็กดปุ่ม Save
  7. เปิด Line ในโทรศัพท์ เพื่อโหลด sticker โดยไปที่ Settings -> Sticker Shop ก็จะพบกับเหล่า sticker ที่สามารถโหลดได้ฟรี
    Image
  8. เข้าไปในไฟล์ jp.naver.line.plist อีกครั้ง เพื่อเปลี่ยนตัวเลขรหัสประเทศกลับเป็น 66 เหมือนเดิม แล้วก็กดปุ่ม Save
  • วิธีการทำให้ sticker ที่โหลดมาไม่มีวันหมดอายุ

  1. เปิดไฟล์ jp.naver.line.plist ขึ้นมาอีกครั้ง
  2. กดที่ปุ่ม Search เพื่อใช้หาตำแหน่งของข้อความ LineStickerPurchases
    Image
  3. แก้ไขตัวเลขในบรรทัดที่ 3 ของ sticker ในแต่ละชุด โดยเปลี่ยนให้เป็นเลข 0 ซึ่ง sticker แต่ละชุดสามารถดูได้จากตัวเลขในบรรทัดที่ 1 ที่ปรากฏอยู่ของแต่ละชุด ดังนี้
    - 537 เป็นชุด Spider Man
    - 552 เป็นชุด Chikin Ramen
    - 553 เป็นชุด Lawson Crew
    - 555 เป็นชุด Joboob
    - 556 เป็นชุด Coca-Cola Olympic
    Image
  4. เมื่อเสร็จแล้วก็กดปุ่ม Save 
  5. หลังจากนั้น ถ้าเข้าไปดูใน My Sticker ก็จะพบว่าชุด sticker เหล่านั้นปรากฏข้อความว่า “No Expiry Date” (ซึ่งก็หมายถึงว่า sticker เหล่านั้น สามารถใช้ได้ตลอดไป) แล้ว… เย่ เย่ !!

ขอขอบคุณ 
http://punmanus.wordpress.com

วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

iOS 6 บน iPhone และ iPhone 5


หลังจากงานเปิดตัวไอโฟน 5 ก็ถึงคิวของระบบปฏิบัติการ iOS6 จะออกมาผงาดให้ผู้ใช้ iOS Device ได้อัปเดตกันแบบยิ่งใหญ่อีกครั้ง (เพราะเป็น Major Changes) โดยคิวอัปเดต iOS6 เวอร์ชันเต็มจะอยู่ในวันที่ 19 กันยายน ตามที่แอปเปิลได้ประกาศไปแล้วเพราะฉะนั้นในวันนี้ก่อนถึงวันอัปเดตใหญ่ ทีมงานไซเบอร์บิซจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับระบบปฏิบัติการตัวล่าสุดนี้กันแบบทุกรูขุมขนอีกครั้งหนึ่ง


       สำหรับ iOS Device ที่สามารถติดตั้ง iOS6 ได้คือรุ่นตั้งแต่ ไอโฟน 3Gs ถึง ไอโฟน 5 ส่วนไอพอด ทัช จะใช้ได้ตั้งแต่รุ่น 4 เป็นต้นไป และสุดท้ายไอแพดจะใช้ได้ตั้งแต่ไอแพด 2 เป็นต้นไป แต่ทั้งนี้ iOS Device ที่สามารถใช้งาน iOS6 ได้เต็มฟีเจอร์ในปัจจุบันจะมีแค่ ไอโฟน 4s ไอโฟน 5 และ The new iPad เท่านั้น 
  • เจาะลึก iOS6

       หลายท่านคงทราบแล้วว่าใน iOS6 แอปฯ อย่าง YouTube จะถูกลบออกไป รวมถึง Maps จะมีการเปลี่ยนแปลงไปใช้แผนที่ที่แอปเปิลพัฒนาเนื่องจากหมดสัญญากับกูเกิล และแอปเปิลไม่คิดจะต่อสัญญาอีก





     
       โดยแผนที่ที่ทางแอปเปิลพัฒนาขึ้นเองนั้นจะใช้ข้อมูลจาก TOMTOM เป็นหลัก โดยหลักการใช้งานพื้นฐานยังคงคล้ายเดิม แต่ทางแอปเปิลจะเพิ่มฟีเจอร์เฉพาะอย่าง flyover หรือแผนที่ 3 มิติ (ยังใช้ได้ในบางประเทศ) อีกทั้งแผนที่ใหม่จากแอปเปิลยังมาพร้อมระบบนำทางแบบ Turn-by-Turn รวมถึงสามารถรับชมแผนที่ได้ทั้งแบบ Hybrid ภาพถ่ายจากดาวเทียมได้ และสามารถตรวจเส้นทางการจราจรได้ด้วย

       แต่โชคร้ายสำหรับประเทศไทยที่ใช้แผนที่ใหม่จากแอปเปิลได้เพียงแค่ค้น หาเส้นทางกับนำทางแบบ 2 มิติได้เท่านั้น ส่วน Flyover และตรวจสอบเส้นทางจราจรยังไม่สามารถทำได้ในปัจจุบัน
            
     
       สำหรับ Mail ก็มีการเพิ่มฟีเจอร์ VIP เข้ามาเพื่อใช้กรองอีเมล์จากบุคคลสำคัญที่ไม่สามารถพลาดการติดต่อได้ โดยชื่ออีเมล์ที่ถูกติด VIP ไว้จะมีการแจ้งเตือนที่ดีกว่าอีเมล์ปกติ แถม VIP ยังมีกล่องจดหมายของตนเอง เพื่อคัดแยกจดหมายสำคัญไม่ให้รวมกับจดหมายทั้งหมดที่อยู่ในเมล์

       นอกจากนั้นเมื่อเขียนจดหมายใหม่ผู้ใช้ยังสามารถเพิ่มภาพและวิดีโอใน อีเมล์ใหม่ได้ทันทีโดยการแตะที่หน้าจอค้างไว้จะมีออปชั่น Import Photo or Video ขึ้นมา
            

       ส่วนการทดสอบร่วมกับแอปฯ ต่างๆเช่น Foursquare, Instagram และ LINE พบว่าสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ            


     
       ถือเป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับ iOS Device ที่จะสามารถถ่ายภาพพาโนรามาได้โดยไม่ต้องใช้แอปฯ 3rd Party เพราะใน iOS6 ผู้ใช้สามารถถ่ายภาพมุมกว้างสวยๆ ได้เพียงแค่กด Option > Panorama ในโหมดกล้องถ่ายภาพ และกวาดไอโฟนไปรอบๆ ตัวคุณเท่านั้น ระบบจะทำการเชื่อมภาพพาโนรามาให้คุณอัตโนมัติแบบเต็มความละเอียด
           
     
       ซึ่งจากการทดสอบบนไอโฟน 4s พบว่าภาพพาโนรามาที่ได้จะมีความละเอียดอยู่ที่ 25 ล้านพิกเซล (ไอโฟน 5 อยู่ที่ 28 ล้านพิกเซล) ที่ขนาดไฟล์ประมาณ 17 MB
      

     
       มาที่ฟีเจอร์ใหม่ที่ซ่อนอยู่ใน Settings อย่าง Do Not Disturb หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายๆ แบบคนไทยก็คือ "ห้ามรบกวนเราจะพักผ่อน"

       โดยฟีเจอร์นี้จะทำหน้าที่ในการบล็อกระบบแจ้งเตือนทั้งหมดเมื่อเรา ต้องการพักผ่อนจริงๆ เช่น นอนตอนกลางคืน ซึ่งผู้ใช้สามารถตั้งเวลาให้ระบบ Do Not Disturb ทำงานอย่างอัตโนมัติในช่วงเวลาใดก็ได้ รวมถึงสามารถตั้งการอนุญาตให้เบอร์โทรศัพท์จากบางกลุ่มสามารถโทรหาเราได้ เมื่อฉุกเฉิน

             
     
       อีกหนึ่งฟีเจอร์และแอปฯ ที่แอปเปิลจะเริ่มใช้งานอย่างจริงจังหลังจากไอโฟน 5 วางจำหน่ายก็คือ Passbook ที่เป็นเหมือนกระเป๋าเก็บตั๋วรถ เครื่องบิน คูปอง ต่างๆ ไว้ใช้งานได้อย่างสะดวกมากขึ้น เพราะไม่ต้องคอยกังวลว่าจะทำตั๋วเหล่านั้นหายระหว่างเดินทาง อีกทั้งคูปองและตั๋วเหล่านี้ยังสามารถอัปเดตข้อมูลแบบเรียลไทม์ได้ด้วย
           
     
       ในส่วน Gallery รูปภาพจะเพิ่ม Shared Photo Stream สำหรับสร้างเป็นสังคมสำหรับผู้ใช้ iOS Device ในการแชร์ภาพไปให้เพื่อนๆ ได้ชมผ่าน Contacts ในตัวเครื่อง และเพื่อนสามารถคอมเมนต์ภาพเหล่านั้นตอบโต้กลับไปมาได้แบบเดียวกับเฟสบุ๊ก
       

    
       อีกทั้งส่วนแชร์ภาพ ยังมีการปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่ด้วย ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะรองรับระบบแชร์ภาพไปยังแอปฯ อื่นได้แบบเดียวกับแอนดรอยด์
       
    
       มาที่การเปลี่ยนแปลงส่วนต่อไปก็คือคีย์บอร์ดภาษาไทย 4 แถวที่มาแบบไม่ต้องติดตั้งเพิ่มแต่อย่างใด
         




     
       หลังจากใน iOS5 ได้มีการผนวก Twitter เข้ามารวมไว้ใน iOS เพื่อให้ผู้ใช้สามารถแชร์เว็บเพจและรูปภาพไปยัง Twitter ได้ทันที และใน iOS6 ทางแอปเปิลก็ได้ผนวก Facebook เข้ามาด้วย โดยการทำงานหลักๆ ก็เหมือนกับ Twitter บน iOS5 กล่าวคือ ผู้ใช้สามารถอัปเดตสถานะบนหน้าวอลล์ แชร์รูปภาพจากเครื่องไปหน้าวอลล์เฟสบุ๊ก และที่เด่นสุดก็คือสามารถดึงรูปภาพโปรไฟล์ของเพื่อนมาใส่ในรายชื่อ Contacts ที่อยู่ในไอโฟนได้แบบเดียวกับแอนดรอยด์
            


     
       ในส่วน Accessibility ก็มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มฟีเจอร์เข้ามาใหม่เช่นกัน โดยจะมีการเพิ่ม Guided Access ซึ่งมีหน้าที่ในการสั่งล็อคหน้าจอ ปุ่มโฮม และระบบ Motion ของเครื่องเมื่อต้องการนำ iOS Device ไปให้เด็กๆ เล่น เพื่อป้องกันเด็กกดปุ่มคำสั่งต่างๆ ในแอปฯ โดยรู้เท่าไม่ถึงการและอาจทำให้เกิดความเสียหายแก่เจ้าของเครื่องได้
       
       โดยก่อนเรียกใช้งาน Guided Access ต้องเข้าไปตั้งค่าก่อนที่ Settings > General > Accessibility > Guided Access จากนั้นเลือกเป็น ON ส่วนวิธีการเรียกใช้งานก็เพียงกดปุ่มโฮม 3 ครั้งติดกันในหน้าแอปฯ ที่ต้องการใช้ Guided Access
       
       สำหรับการปรับเปลี่ยนอื่นๆ ใน Accessibility ก็คือ Assistive Touch ที่จะมีการเพิ่มปุ่ม Siri เข้ามาในหน้าแรก ส่วนในหน้า Device > More จะมีการเพิ่มปุ่มเรียก Multitasking และปุ่ม Screenshot เข้ามาให้ผู้ใช้สามารถใช้งานไอโฟนมือเดียวได้ดีขึ้น รวมถึงสามารถถนอมปุ่มโฮมได้จนแทบเรียกว่า ตัดปุ่มโฮมทิ้งก็ยังใช้งาน iOS Device ได้
           
   
       มาที่ Privacy ในส่วน Settings จะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเปิด-ปิดการอนุญาตในการเข้าถึงส่วนต่างๆ ได้ เช่นเข้า Facebook ได้ โพสต์ข้อความได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำรูปจาก Gallery ไปใช้งานได้ หรือแม้แต่การเปิด-ปิด ระบบการแชร์พิกัดต่างๆ ก็สามารถทำได้ละเอียดขึ้นจากในหน้า Privacy
          
     
       สำหรับ Safari ก็มีการปรับเปลี่ยนบางส่วนเช่นกัน เช่น การเพิ่ม iCloud Tabs ที่สามารถซิงค์ Tab ที่กำลังใช้งานอยู่กับ iOS Device เครื่องอื่นหรือเครื่อง Mac ทำให้การเล่นเว็บจาก Device หนึ่งแล้วย้ายไปเล่นอีก Device หนึ่งทำได้ลื่นไหลขึ้น นอกจากนั้น Safari ใน iOS6 ยังสามารถแสดงผลแบบเต็มจอได้เมื่ออยู่ในแนวนอน
       
       นอกจากนั้นส่วนของ Safari ยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถอัปโหลดรูปภาพได้โดยตรงจากหน้าเว็บไซต์ผ่านปุ่ม Browse ภาพ เช่น ตามเว็บบอร์ดต่างๆ (เมื่อก่อนตอน iOS5 ปุ่มอัปโหลดเหล่านี้จะเป็นสีเทากดไม่ได้)
         
     
       และเป็นที่น่าดีใจมากสำหรับคนชอบเล่น FaceTime อย่างมาก เพราะต่อจากนี้คุณจะไม่ต้องวิ่งหา WiFi เพื่อเชื่อมต่อ FaceTime อีกแล้ว เนื่องจากใน iOS6 สามารถใช้ FaceTime จากเครือข่าย 3G/Edge ได้แล้ว เพียงแต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้ไอโฟน 4s เป็นต้นไปถึงจะรองรับ FaceTime on 3G
           
   
       ในส่วนการโทรศัพท์ (Phone) จะสามารถตั้งเงื่อนไขไม่รับสายได้ว่าเพราะอะไร โดยการทำงานคือ เมื่อมีสายเข้าแล้วไม่ต้องการรับสายเพราะติดธุระ ให้กดปุ่มวางโทรศัพท์ด้านขวาล่างและเลื่อนขึ้น เพื่อเลือกออปชั่นที่ต้องการ
       
       โดย Reply with Message คือการวางสายพร้อมส่งข้อความไปหาคนที่เราตัดสายไป ด้วยรูปแบบข้อความสำเร็จรูปที่เราสามารถตั้งแบบ Custom ได้
       
       ส่วน Remind Me Later จะสามารถตั้งให้ระบบแจ้งเตือนเราให้โทรกลับเบอร์ที่เราตัดสายไปได้ อีกทั้งระบบนี้ยังนำความสามารถของ GPS มาใช้ในการแจ้งเตือนได้ด้วย เช่น เมื่อเราออกจากหอพักหรือพิ้นที่ตรงนี้ ให้ระบบแจ้งเตือนเราให้โทรหาคนที่เมื่อครู่เราตัดสายทิ้งไป เป็นต้น
           


    
       อีกส่วนที่มีการปรับเปลี่ยนหน้าตาใหม่หมดก็คือ App Store, iTunes Store และ Music ที่มีการปรับเปลี่ยนไอคอนให้ดูทันสมัยขึ้น อีกทั้งใน App Store และ iTunes Store ยังสามารถกด Like เพื่อแชร์แอปฯ หรือเพลงที่ชื่นชอบไปยังเฟสบุ๊กได้
       
       และใน App Store ยังตัดระบบใส่ Password เพื่ออัปเดตหรือดาวน์โหลดแอปฯ ที่เคยซื้อไว้ออก เพื่อให้สะดวกต่อการติดตั้งแอปฯ ใหม่หรืออัปเดตแอปฯ
            
    
       สุดท้ายมาดูที่ Siri กันบ้าง เพราะใน iOS6 ทางแอปเปิลจะเพิ่มความสามารถของ Siri มากขึ้นเช่นสามารถโพสต์สถานะเฟสบุ๊ก ทวิตเตอร์ ตรวจหาภาพยนตร์ที่เข้าฉายในสัปดาห์ รวมถึงเช็คคะแนนกีฬาต่างๆ ได้และยังมีการเพิ่มภาษาให้ Siri มากขึ้นด้วย เช่น จีน สเปน เยอรมัน เป็นต้น (แต่ไร้เงาภาษาไทย)
        
  • เมื่อไม่มี YouTube ใน iOS ควรทำอย่างไร?


       แน่นอนว่าใน iOS6 ตัวเต็มจะไร้เงา YouTube แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร เพราะทางกูเกิลได้พัฒนาแอปฯ YouTube ขึ้นมาใหม่และใช้งานได้ดีกว่า YouTube แบบเก่าบน iOS อีกด้วย
        




     
       โดยการดาวน์โหลด YouTube ใหม่สามารถหาดาวน์โหลดได้จาก App Store โดยรูปแบบการใช้งานจะเหมือน YouTube บนแอนดรอดย์ 4.0 ที่นอกจากจะใช้ค้นหาวิดีโอได้ปกติและผ่าน Google Voice แล้ว แอปฯ ยังรองรับการเชื่อมต่อกับบัญชี YouTube และสามารถ Subscribe ช่องที่ชื่นชอบได้
       
       อีกทั้งยังสามารถเลือกแชร์คลิปวิดีโอไปยังเครือข่ายสังคม และที่สำคัญคือในแอปฯ นี้ยังรองรับการเล่นวิดีโอจาก VEVO ได้อย่างไม่มีปัญหาด้วย